ชี้ร่างปฏิรูปศึกษาภูมิภาคยังไม่ตอบโจทย์ จี้กระจายอำนาจบริหารบุคคล
นายธนชน มุทาพร ประธานชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สมาคมนักบริหารการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคม ในประเด็นที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ฉบับปรับปรุงที่ ศธ.เสนอ โดยร่างคำสั่งดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ แยกอำนาจการบริหารงานบุคคลจากคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) มาให้ อ.ก.ค.ศ.จังหวัด คืนอำนาจการบรรจุแต่งตั้งตามมาตรา 53 กลับคืน มายังผู้บังคับบัญชาเหมือนเดิม ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน กศจ. มีอนุกรรมการตำแหน่ง 3 คนประกอบ ด้วย ผู้แทน ก.ค.ศ. ศึกษาธิการจังหวัด และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานั้น นายธนชนกล่าวต่อไปว่า พวกตนขอบคุณ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ที่ได้เห็นชอบร่างแก้ไขคำสั่งฉบับดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาสมาคมและองค์กรครูทั่วประเทศได้เรียกร้องให้แก้ไขมากว่า 4 ปี แต่การมี อ.ก.ค.ศ.จังหวัดบริหารงานบุคคลแทน กศจ.นั้น เนื่องจากการบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ยึดเขตพื้นที่การศึกษาเป็นฐาน ซึ่งประกอบด้วยเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา จำนวน 183 แห่ง เขตพื้นที่มัธยมศึกษาจำนวน 42 แห่ง รวม 225 เขต แต่มีองค์คณะบุคคลใน
อ.ก.ค.ศ.จังหวัดจำนวน 77 แห่ง จึงทำให้เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาที่ไม่ใช่เขต 1 หรือเขตเดียวไม่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลจำนวนทั้งสิ้น 106 เขต ดังนั้น การแก้ไขร่างคำสั่งฉบับนี้จึงยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร แต่ควรกระจายอำนาจการบริหารงานบุคคลมายัง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาด้วย เพราะอยู่ใกล้สถานศึกษา รู้และเข้าใจปัญหาในพื้นที่เป็นอย่างดี รวมทั้งมีความรวดเร็วในการบริหารงานบุคคลได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธาน ไม่เหมือนการมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพราะที่ผ่านมามีหลาย กศจ.ที่เสียโอกาสในการบริหารงานบุคคลที่เกิดจากข้อจำกัดเรื่องเวลาของประธาน กศจ.เพราะมีภารกิจมาก “สำหรับข้อห่วงใยของการทำนาบนหลังครูจนเป็นเหตุผลสำคัญของการยุบ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษานั้น พวกเราเชื่อมั่นว่าคงไม่มีใครกล้าขุดหลุมฝังศพตัวเอง ให้ชีวิตราชการตายก่อนเวลาอันควร เพราะในยุคโซเชียลมีเดียจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างระบบธรรมาภิบาลให้เข้มแข็ง หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องต้องมีมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อกำจัดบุคคลที่สร้างความเสียหายให้กับองค์คณะบุคคล” นายธนชนกล่าว.
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ไทยรัฐ วันที่ 20 ส.ค. 2564